ประวัติศาสตร์เบื้องหลัง Assassin’s creed Valhalla

หลังจากที่เราได้ชมตัวอย่าง Cinematic Trailer ของ Assassin’s creed Vanilla เอ้ย!!! Valhalla ไปแล้วนะคะ ทางเว็บไซต์ทางการของ Ubisoft ก็ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ Thierry Noël (ขอย่อว่า TN ตามเว็บต้นฉบับนะคะ) ที่ปรึกษาด้านประวัติศาสตร์ของภาค Valhalla เกี่ยวกับความเป็นมาของเนื้อเรื่องในภาคนี้ค่ะ ซึ่ง จขบ. ได้แปลนำมาลงในบล็อกตามที่บอกแล้วนะคะ (ไม่แน่ใจมีชาวบ้านแปลไปบ้างยัง) 😀

พอพูดถึง “ไวกิ้ง” เรากำลังหมายถึงคนกลุ่มไหน

TN : เป็นคำถามที่ดีมาก พอเราพูดถึง “ไวกิ้ง” มันก็เหมือนเป็นคำทั่ว ๆ ไป ที่เรารู้กันว่าอยู่ในแถบตะวันตก มันก็จะทำให้เรานึกถึงภาพความป่าเถื่อน การปล้นสะดม การทำลายล้างพวกราชวงศ์ต่าง ๆ ในแถบยุโรปตะวันตก แต่ในความเป็นจริง มันซับซ้อนกว่านััน คำว่า “ไวกิ้ง” จริง ๆ แล้วหมายถึงชนชั้นสูงของสังคมชาวนอร์ส (Norse) มันมีกลุ่มคนบางกลุ่มในวัฒนธรรมแบบนอร์สที่เป็นทั้งพ่อค้า นักสำรวจ นักเดินเรือชั้นเยี่ยม ผู้ตั้งถิ่นฐาน และก็ใช่แล้ว ก็มีพวกผู้รุกราน และปล้นสะดมอยู่ด้วย

ในเกมเริ่มต้นด้วยเผ่าของ Eivor ที่กำลังย้ายถิ่นฐานออกจากนอร์เวย์ ทำไมถึงย้ายล่ะ ? เกิดอะไรขึ้นกับโลกในช่วงเวลานั้น

TN : ในทางประวัติศาสตร์ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เรามีการพูดถึงเรื่องสงคราม และความขัดแย้งที่ไม่มีวันจบ การขาดแคลนทรัพยากร และที่ดิน คำตอบก็น่าจะปน ๆ กันด้วยเรื่องเหล่านั้นแหละ พวกเขาย้ายออกเพราะว่าต้องการค้นหาแหล่งทรัพยากรและดินแดนแห่งใหม่ ในยุคศตวรรษที่ 9 ผู้คนในแถบสแกนดิเนเวียเพิ่งจะค้นพบวิธีการเดินเรือ เลยเก่งเรื่องนั้นมาก ๆ เพราะช่วยให้สามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก เพราะในช่วงสิ้นสุดยุคโรมัน โลกยังมีความกระจัดกระจายอยู่ พวกไวกิ้งถือว่ามีบทบาทสำคัญในการนำโลกกลับมาเชื่อมต่อกัน เพราะว่าคนพวกนี้เดินทางไปเกือบทุกที่เลย

ปกติแล้วเนื้อเรื่องของ Assassin’s creed มักจะเกิดขึ้นในยุคประวัติศาสตร์ที่มีการเอกสารครบสมบูรณ์ ซึ่งในภาค Valhalla เกิดขึ้นในยุคมืด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนยังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับช่วงนั้นมากนัก ทำไมยุคนี้จึงเป็นยุคที่เหมาะจะใช้ใน Assassin’s creed ล่ะ

TN : เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่น่าหลงใหลน่ะสิ มันถูกเรียกว่ายุคมืดเพราะเราไม่ค่อยจะมีข้อมูลมากนักเหมือนยุคอื่น ๆ อย่าง ยุคอียิปต์ หรือกรีกโบราณ ยุคในภาค Valhalla มันก็อาจจะมืดน่ะนะ แต่มันก็เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน และเปลี่ยนแปลง โลกยุคโรมันได้หายไป ทั้ง ๆ ที่ยุคกลางยังมาไม่ถึง มันเลยเป็นยุคที่น่าสนใจมาก ๆ ที่จะสร้างโลกตะวันตกขึ้นมาใหม่ สร้างคุณค่าขึ้นใหม่ สร้างแคว้นและชาติขึ้นใหม่ และนำเอาวัฒนธรรมที่เคยแยกจากกันมาก่อนมาผสมรวมกัน มันไม่ใช่แค่ยุคแห่งความขัดแย้งนะ มันเป็นยุคที่มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างผู้คนอย่างเข้มข้นเลยล่ะ และพวกไวกิ้งก็มีส่วนสำคัญในการสร้างโลกขึ้นใหม่ผ่านการแลกเปลี่ยนเหล่านี่แหละ

แล้วโลกแบบไหนกันล่ะที่ Eivor จะต้องเดินทางไป แล้วสถานะของอังกฤษในศตวรรษที่ 9 เป็นอะไรเหรอ

TN : ในตอนนั้นอังกฤษเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ซึ่งถูกปกครองโดยแองโกล-แซกซอน (Anglo-Saxons) แต่ก็มีพวกบริตัน (Briton) พวกลูกหลานโรมันโบราณ และพวกอื่น ๆ อยู่ด้วย นับเป็นดินแดนที่มั่งคั่งทีเดียว แต่เป็นดินแดนที่แตกแยก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาณาจักรคู่แข่งระหว่างพวกแองโกล-แซกซอนกันเอง มันก็เลยดึงดูดพวกไวกิ้ง ให้เข้ามาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ความแตกแยกในอังกฤษ

เห็นว่าพวกอาณาจักรเหล่านั้นมีกษัตริย์ด้วย ชื่ออัลเฟรด ในตัวอย่างใหม่น่ะ แล้วกษัตริย์อัลเฟรดเป็นใครกันแน่

TN : กษัตริย์อัลเฟรดเป็นตัวละครสำคัญมาก ๆ ในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ตอนที่พวกไวกิ้งเริ่มรุกรานและเข้ามาตั้งรกรากในอังกฤษ มันเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรแองโกล-แซกซอนล่มสลายตาม ๆ กันไปทีละแห่ง มีเพียงอาณาจักรเวสเซกซ์ (Wessex) ที่ปกครองโดยกษัตริย์อัลเฟรดยังคงอยู่ ซึ่งไม่ใช่แค่ยังคงอยู่ด้วยนะ แต่จัดการขับไล่การรุกรานจากไวกิ้งได้ด้วย และก็สร้างอังกฤษสมัยใหม่ขึ้นมา จึงถือเป็นตัวละครที่สำคัญมาก ๆ สำหรับเรา

ฟังดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความขัดแย้งนะ และก็ที่แน่ ๆ การสู้รบน่าจะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากใน Assassin’s creed ภาคนี้ และในตัวอย่าง สิ่งที่ค้นคว้ามาได้ให้ข้อมูลในเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในภาคนี้อย่างไร

TN : เรารู้ว่าการต่อสู้ในช่วงนั้นมันทั้งไม่เป็นระเบียบและบ้าน ๆ มาก มันรุนแรงจริง ๆ นะ การค้นคว้าสอนเราว่าพวกไวกิ้งเป็นนักสู้ที่มีความหลากหลาย รู้วิธีการใช้อาวุธหลายชนิด เอาอะไรก็ได้ที่อยู่ในมือมาใช้เป็นอาวุธ และยังสามารถสร้างโล่ป้องกันตัวได้ด้วย ซึ่งคุณสามารถถือไปได้ด้วยนะ ใน Assassin’s Creed Valhalla พวกไวกิ้งมีการต่อสู้ที่หลากหลายมาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราอยากให้ผู้เล่นสามารถทำได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การค้นคว้ายังบอกเราด้วยว่าพวกไวกิ้งมีกลยุทธ์ในการรบที่แตกต่างกันออกไปเยอะมาก และนั่นแหละที่ใช้เป็นจุดโจมตี เราเลยอยากให้ผู้เล่นได้เป็นผู้ที่ควบคุมการโจมตีนั้นได้

ในตัวอย่างแสดงให้เห็นพิธีกรรมของพวกไวกิ้งด้วย และก็มีการอ้างถึงพระเจ้าของพวกเขาอีก แล้วสิ่งเหล่านั้นจะนำมาใช้ในเกมอย่างไร

TN : พวกเรื่องพระเจ้า และตำนานต่าง ๆ นั้นมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของชาว Norse ซึ่งแสดงผ่านพิธีกรรม การบูชา ความเชื่อ ซึ่งตีความจากโลกรอบ ๆ ตัวพวกเขา พวกเขามีความเชื่อเรื่องโชคลาง และสิ่งบอกเหตุต่าง ๆ อย่างการปรากฏตัวของนกกา (Raven) ที่เราเห็นในตัวอย่างน่ะ เราเห็นอิทธิพลพวกนี้กระทั่งในเรื่องเล่ายอดนิยมของพวกไวกิ้งเลยนะ ซึ่งการบูชา และตำนาน เป็นส่วนประกอบพื้นฐานในโลกของ Assassin’s Creed Valhalla เลยล่ะ

สิ่งหนึ่งที่คุณจะทำเมื่อมาถึงอังกฤษ คือการตั้งถิ่นฐานให้กับประชาชน ประวัติศาสตร์ให้แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างไร

TN : การตั้งถิ่นฐานเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในสังคมไวกิ้ง ไม่ใช่แค่การค้าขาย หรือสำรวจเท่านั้น แต่พวกเขาเริ่มตั้งรกรากทุกที่ที่ไปได้เลยล่ะ เรามีข้อมูลทางโบราณคดีเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของพวกไวกิ้งในอังกฤษ ด้วยข้อมูลเหล่านั้น เราเลยรู้ว่าการตั้งถิ่นฐานเป็นเรื่องพื้นฐาน และเป็นรากฐานของการดำรงชีวิต

แล้วที่บอกมาก่อนหน้านี้ว่าไม่ค่อยจะมีข้อมูลเกี่ยวกับยุคมืดมากเท่าไร ถ้าอย่างนั้นข้อมูลพวกนี้มาจากไหน

TN : ส่วนหนึ่งก็มาจากข้อมูลทางโบราณคดี อีกส่วนก็มาจากแหล่งทางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น ทั้งหมดแหละจากพวกพงศาวดาร และตำราต่าง ๆ แต่โชคร้ายตรงที่ ตำราที่พูดถึงพวกไวกิ้งไม่ค่อยจะมีเหลือสักเท่าไร ก็เลยเป็นสาเหตุทำให้เราติดภาพด้านลบเกี่ยวกับพวกไวกิ้ง ซึ่งข้อมูลพวกนั้นก็มาจากตำราของนักบวช และเหยื่อจากการถูกไวกิ้งรุกรานบางคน แต่เราก็มีเรื่องเราและตำนานไวกิ้งด้วยนะ ซึ่งถูกถ่ายทอดกันมาปากต่อปากมานานหลายศตวรรษ ซึ่งก็ได้มีการบันทึกไว้ให้โลกได้รับรู้

ในยุคหลัง ๆ นั้น พวกประเทศอย่างอังกฤษเวลาทบทวนประวัติศาสตร์ตัวเอง ก็จะสร้างศัตรูที่ดูโหดเหี้ยมน่ากลัว ซึ่งช่วยทำให้พวกเขาอธิบายการเกิดชาติได้ ว่ามาจากการขับไล่ภัยคุกคามจากต่างแดน

ในการค้นคว้ามันทำให้รู้สึกประหลาดใจบ้างไห

TN : โอ้ ทั้งนั้นเลยแหละ ช่องว่างระหว่างความเป็นจริงเกี่ยวกับพวก Norse และภาพจำที่เรามองว่าไวกิ้งเป็นพวกหุนหันนั้นทำให้รู้สึกน่าสนใจมาก ๆ ความน่าสนใจของพวกเขาอยู่ที่เรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม และการปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างเท่าเทียม ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากในยุคนั้นเลยทีเดียว มันก็เลยดูขัดแย้งกับภาพจำที่เราเคยมีต่อพวกไวกิ้ง

ผู้เล่นสามารถเลือกเพศของ Eivor ได้ทั้งหญิงและชาย และก็เห็นว่ามีผู้หญิงกำลังต่อสู้ในตัวอย่างด้วย พวกผู้หญิงถือเป็นนักรบในวัฒนธรรมของไวกิ้งด้วยไหม

TN : ในทางโบราณคดีนะ ประเด็นนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ข้อเท็จจริง ซึ่งผมคิดว่าน่าเป็นสิ่งที่สำคัญจริง ๆ เลยก็คือ เรื่องนั้นนะเป็นแนวคิดที่สำคัญของพวกเขาเลยล่ะ เพราะในเรื่องเล่าและตำนานของชาว Norse เต็มไปด้วยตัวละครผู้หญิงที่เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง มันเลยเป็นแนวคิดสำคัญอย่างหนึ่งในโลกของพวกไวกิ้ง ว่าผู้หญิงนั้นน่ากลัวทัดเทียมผู้ชายในการสู้รบ และเป็นสิ่งที่ Assassin’s Creed Valhalla จะสะท้อนออกมา

Assassin’s Creed Valhalla จะวางจำหน่ายบน Xbox X , PS5, Xbox One, PS4, PC, และ Stadia

ที่มา : Ubisoft

ปล. จขบ.เอามาฝากตามที่บอก แปะไว้ก่อน 555+ กลัวจะไม่มีเวลา ถ้ามีที่ไหนแปลแล้ว และแปลแล้วไม่ตรงกับชาวบ้านก็ขออภัยด้วยนะคะ และสามารถแนะนำได้นะคะ

ปล. 2 ภาษาที่ใช้ก็พยายามลดระดับลงมาให้ดูบ้าน ๆ ตามสไตล์ไวกิ้งค่ะ (แถค่ะ ยอมรับว่าแถ -_-“)

ปล.3 เพื่อน ๆ เห็นว่าอย่างไรกันบ้างคอมเมนต์กันได้เลยนะคะ

ปล. 4 ถ้าเจอที่พิมพ์ผิดเยอะก็ขออภัยนะคะ พอดีเริ่มง่วงมากตอนนั่งแปล ><

2 comments

    • ขอบคุณมากเลยค่ะ ขออภัยที่ตอบช้านะคะ พอดีไม่ค่อยว่างเข้าเว็บเลยช่วงนี้ T-T

Leave a comment