Assassin’s creed Mirage ความหลังครั้งเก่าจะย้อนมาให้เราได้คิดถึง

สวัสดีค่ะ วันนี้มีบทความจาก Games Radar มาฝากค่ะ แต่ว่าคงจะไม่ได้แปลทั้งหมดนะคะ มันยาวมาก เอาเป็นว่า จขบ.ขอจับเฉพาะส่วนประเด็นที่น่าสนใจมาลงให้นะคะ

ตั้งแต่ภาค Syndicate เป็นต้นมาก็นับว่านานถึง 8 ปีแล้วที่เราไม่ได้ปีนป่ายลัดเลาะบนหลังคาบ้านกันสักเท่าไร ภาคนี้เราจะได้กลับไปเห็นรูปแบบการเล่นในแบบดั้งเดิมกันอีกครั้ง Assassin’s creed ในภาคนี้เป็นการเล่าเรื่องของมือสังหารนามว่า Basim Ibn Ishaq มือสังหารที่อาศัยในกรุงแบกแดดในศตวรรษที่ 9

ผู้เขียนบทความนี้กล่าวว่า รู้สึกสนุกที่ได้เล่นเกม Assassin’s creed ภาคใหม่ ๆ ในแบบ RPG อย่างภาค Origin , Odyssey หรือ Valhalla แต่พอได้ลองกลับมาเล่นภาค Mirage มันทำให้หวนนึกถึงความรู้สึกตอนที่เล่นเป็น Ezio Auditore (AC II) โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็น Basim โหนเชือกมุมตึก หรือไต่เชือกที่วางไว้อย่างพอดี และแน่นอนว่าไม่ใช่ว่าเราจะสามารถปีนได้ทุกสิ่งในเกม ผู้เล่นจะต้องหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการหาทางปีนป่ายเอาเอง ว่าจะไปเกาะขอบหน้าต่างไหน ประตูไหน ขอบมุมไหน เพื่อที่จะปีนไปให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับระมัดระวังไม่ให้ทหารยามตรวจเจอ

เนื้อเรื่องในภาคนี้เริ่มต้นที่ Basim สมัยยังเป็นโจร ก่อนที่จะได้เปลี่ยนมาทำงานกับเพื่อนนามว่า “Nehal” และกลายเป็นมือสังหารผู้ช่ำชอง ทำให้มีทักษะบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว มีพวกมินิเกมล้วงกระเป๋าที่ถ้ายิ่งยากจะยิ่งได้เงินมาก ทักษะอื่น ๆ ที่จะเห็นในภาคนี้ เช่น การทำตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้านหลบสายตาทหารยาม เพื่อลอบเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม หรือจะแอบจ่ายสินบนให้นักดนตรีแถว ๆ นั้นช่วยทำเสียงดังล่อทหารยามก็ทำได้เช่นกัน และการหนีจากการถูกตามล่าด้วยการว่ายน้ำ หรือ วิ่งเข้าไปอยู่ในกลุ่มฝูงชนที่เนืองแน่น

แต่ไม่ใช่ว่าภาคนี้จะไม่มีอะไรใหม่เลย ในภาคนี้มีระบบ Notoriety (ระบบค่าหัว วัดความฉาวโฉ่ของเรา) ทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นแบกแดด หากถูกจับได้ในระหว่างการทำภารกิจกล่องทำ (black box mission) ก็จะทำให้ชื่อเสียงเราฉาวโฉ่ไปทั่วกรุงแบกแดดได้ ต้องไปเดินดึงป้ายล่าค่าหัวออก หรือ จ่ายสินบนลดความฉาว หากค่าความฉาวมันสูงเกินไปก็จะไปเตะตาทหารยามระดับสูงให้มาตามไล่ล่าเรา

สำหรับทักษะการต่อสู้ในภาคนี้จะให้ความรู้สึกพริ้วไหว ทันสมัย และว่องไวมากขึ้น เมื่อเทียบกับภาค Valhalla ที่หนักหน่วงดุดันมากกว่า ระบบสะท้อนการโจมตี (parry) ก็เป็นสิ่งจำเป็นมาก และก็ยังมีอุปกรณ์ตัวช่วยให้เราหลบหนีทหารได้ในยามคับขันเช่น ระเบิดควัน ลูกดอก มีดบิน ที่สร้างเสียง (noisemakers) เบนความสนใจ และกับดักอื่น ๆ

ตัว Basim เอง ก็เป็นคนแบกแดดโดยกำเนิด รู้ทุกซอกทุกมุมของเมืองเป็นอย่างดี คนในเมืองจึงรู้จักเขา และยังพร้อมจะช่วยเขาด้วย ทำให้มีพวกภารกิจใหม่ ๆ เกี่ยวกับเมืองเข้ามาให้ทำเรื่อย ๆ มีพวกภารกิจนักสืบให้เราได้เข้าไปทำด้วย

แม้ว่าภาคนี้จะไม่ได้เป็น RPG แล้ว ไม่มีบทสนทนาให้เลือกตอบ แต่มีตัวเลือกในการเข้าทำภารกิจให้ใช้แทน ขึ้นอยู่กับเราว่าจะอยากเข้าทำภารกิจแบบไหน เช่น แทนที่จะใช้เงินจำนวนมากที่ได้จากการแอบล้วงกระเป๋าไปซื้อปิ่นปักผม ก็อาศัยการสะกดรอยพ่อค้าไปขโมยเอาดื้อ ๆ เลยก็ได้ และการที่จะได้รู้ว่าพ่อค้าปิ่นคือคนไหน ก็ต้องไปติดสินบนเจ้าของแผงลอยเพื่อซื้อข้อมูล โดยสรุปคือ ผู้เล่นมีทางเลือกในการเข้าทำภารกิจที่หลากหลาย เลือกได้ตามใจ แต่ไม่ใช่ว่าจะง่ายดายเสียทีเดียว ในการทำภารกิจหากไปทำอะไรทิ้งไว้ ก็อาจจะต้องพบกับผลกระทบของการกระทำที่เคยตัดสินใจทำอะไรไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน เช่น เค้าไปขโมยของแต่ขาจะกลับออกมาดันไม่ระวังตัว ทำให้ต้องหลบหนีการไล่ล่าจนทำให้ค่าความฉาวมันเพิ่มขึ้น เป็นต้น

Assassin’s creed Mirage จะวางจำหน่ายในวันที่ 5 ตุลาคม 2566 บน PS5,Xbox X , PC , PS4 และ Xbox 1

ที่มา Games Radar

Leave a comment