Stede Bonnet โจรสลัดผู้มีชาติตระกูล

Print engraving of Stede Bonnet in Charles Joh...
โจรสลัดผู้มีชาติตระกูลสูงศักดิ์ Stede Bonnet (Photo credit: Wikipedia)

บุรุษส่วนใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในยุคโจรสลัดนั้น ล้วนกลายมาเป็นโจรสลัดโดยไม่ตั้งใจ พวกเขาหมดหนทาง สิ้นไร้ไม้ตรอก แต่พวกเขากลับมีความสามารถในการเดินเรือและเป็นนักสู้ บ้างไม่อาจหางานที่ดีทำได้ บ้างถูกบังคับให้ทำตามเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมของพวกพ่อค้า ยกตัวอย่างเช่น “Black Bart” Roberts ที่ถูกโจรสลัดจับกุม และถูกบังคับให้เข้าร่วมเป็นโจรสลัด และในที่สุดเขาก็ค้นพบวิถีทางของเขาเอง แต่ว่าเรื่องราวของ Stede Bonnet นั้นเป็นข้อยกเว้น เขาเป็นเจ้าของไร่ผู้ร่ำรวยใน Barbados เขาตัดสินใจเข้าร่วมการเป็นโจรสลัดด้วยตนเอง และออกเดินเรือเพื่อแสวงหาความร่ำรวยและความท้าทาย และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกว่า “โจรสลัดผู้มีชาติตระกูล” (Gentleman Pirate)

โจรสลัดผู้มีชาติตระกูล

Stede Bonnet เกิดในปี 1688 เขาเกิดในครอบครัวเจ้าของที่ดินผู้ร่ำรวยชาวอังกฤษบนเกาะแห่งหนึ่งของ Barbados บิดาของเขาตายเมื่อเขาอายุได้เพียง 6 ขวบ และเขาก็เป็นผู้สืบทอดมรดกต่อจากบิดา เขาแต่งงานกับหญิงท้องถิ่นนามว่า Mary Allamby ในปี 1709 และพวกเขาก็มีลูกด้วยกัน 4 คน มี 3 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตมาจนโต Bonnet มีตำแหน่งเป็นพันตรีในกองทหารอาสาของ Barbados แต่เรื่องความสามารถและประสบการณ์ของเขายังเป็นที่กังขา ในช่วงต้นปี 1717 Bonnet ตัดสินใจละทิ้งชีวิตของเขาที่ Barbados และผันตัวเองไปเป็นโจรสลัดเต็มตัว เหตุผลว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจเช่นนั้นยังเป็นที่สงสัย แต่มีบันทึกของผู้ที่ใช้นามปากกาว่า Cpt. Charles Johnson กล่าวว่า เขาพบว่าชีวิตการแต่งงานของเขาไม่มีความสุขและความผิดปกติทางจิตใจของเขาเอง

เรือ Revenge

Bonnet ซื้อเรือ sloop ลำหนึ่ง เรือลำนี้มีปืนใหญ่ 10 กระบอกเขาตั้งชื่อเรือลำนี้ว่า “Revenge” เขาแสดงให้เจ้าหน้าที่ประจำเมืองเห็นว่าเขาเพียงแค่ต้องการจะออกเรือ หรือ ต้องการจะกลายเป็นักล่าโจรสลัดเท่านั้น เขาว่าจ้างลูกเรือจำนวน 70 คน ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นในภายหลังว่าตั้งใจจะไปเป็นโจรสลัด ตัวของเขาเองนั้นไม่มีความรู้เรื่องการเดินเรือหรือการเป็นโจรสลัด ที่พักในเรือของเขาดูสะดวกสบาย ในเรือของเขามีแต่หนังสือที่เขาโปรดปราน พวกลูกเรือคิดว่าเขาเป็นคนประหลาดและไม่ค่อยให้ความเคารพในตัวเขาเท่าไรนัก

กระทำการแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก

Bonnet เหยียบย่างเข้ามาเป็นโจรสลัดเต็มตัว เขาออกโจมตีเรือและได้รับรางวัลจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วตลอดเวลาที่เขากระทำการแถบชายฝั่งตะวันออกตั้งแต่ Carolinas ไปจนถึง New York ในช่วงฤดูร้อนปี 1717 หลังจากปล้นเรือได้เขาก็ปล่อยตัวประกันส่วนใหญ่ไป ยกเว้นตัวประกันที่มาจาก Barbados เขาจะเผาเรือพวกนั้นทิ้งเพราะไม่อยากให้ครอบครัวของเขารับรู้ข่าวเกี่ยวกับการเป็นโจรสลัดของเขา ในช่วงเดือนสิงหาคม หรือ เดือนพฤศจิกายน พวกเขาก็ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นโดยการเข้าโจมตีเรือรบสเปนขนาดใหญ่ (Man of War) Bonnet มีคำสั่งให้โจมตี แต่แล้วพวกโจรสลัดก็แตกพ่าย เรือของพวกเขาถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ลูกเรือกว่าครึ่งถูกฆ่าตาย Bonnet ได้รับบาดเจ็บสาหัส

Stede_bonnetStede Bonnet : http://fr.assassinscreed.wikia.com/wiki/Stede_Bonnet

ร่วมมือกับ Blackbeard

หลังจากนั้นไม่นานนัก Bonnet ก็ได้พบกับ Edward “Blackbeard” Thatch ซึ่งในเวลานั้นเขาเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันเรือหลังจากที่อยู่ภายใต้การรับใช้ของโจรสลัดในตำนานอย่าง Benjamin Hornigold มาช่วงเวลาหนึ่ง พวกลูกเรือที่เหลือของ Bonnet ต่างพากันไปขอร้องให้ Blackbeard ยึดเรือ Revenge จากคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่าง Bonnet เมื่อได้ยินคำขอนั้น Blackbeard ก็รู้สึกยินดีต่อคำร้องขอนั้น เพราะว่า Revenge เป็นเรือที่ดี เขายังคงให้เกียรติ Bonnet ในฐานะแขกของเรือ ซึ่งก็ดูจะเหมาะสมแล้วเพราะ Bonnet ยังคงบาดเจ็บอยู่ จากคำบอกเล่าในตำนานกล่าวว่า Bonnet จะเดินมาที่ดาดฟ้าเรือในชุดนอนในเวลากลางคืนเพื่ออ่านหนังสือและเอาแต่บนพึมพำกับตนเอง

โจมตีเรือ Protestant Caesar

ช่วงเวลาหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิของปี 1718 Bonnet ก็กลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง ซึ่งในตอนนั้น Blackbeard ได้เรือลำใหญ่มาเป็นของรางวัล เรือลำนั้นคือเรือ Queen Anne’s Revenge เขาไม่ต้องการ Bonnet อีกต่อไปแล้ว วันที่ 28 มีนาคม 1718 Bonnet ทำอะไรเกินตัวอีกครั้งด้วยการเข้าโจมตีเรือสินค้าติดอาวุธหนักที่มีชื่อว่า เรือ Protestant Caesar นอกชายฝั่ง Honduras และเป็นอีกครั้งที่เขาพ่ายแพ้ และลูกเรือของเขาก็เหลือน้อยเต็มที และเมื่อพวกเขาได้พบกับ Blackbeard  ลูกเรือของ Bonnet ก็ได้ขอร้องให้ Blackbeard กลับมาบัญชาการเรือแทน Bonnet อีกครั้ง ซึ่ง Blackbeard ก็ตกลงด้วยความเต็มใจโดยให้ลูกเรือคนสนิทนามว่า Richard เข้าประจำการที่เรือ Revenge ส่วน Bonnet ไปเป็นแขกรับเชิญบนเรือ Queen Anne’s Revenge

การแยกทางกับ Blackbeard

เดือนมิถุนายน ปี 1718 เรือ Queen Anne’s Revenge เดินเรือมาถึงนอกชายฝั่ง North Carolina  Bonnet พร้อมด้วยชายฝีมือดีจำนวนหนึ่งถูกส่งลงที่เมือง Bath เพื่อต่อรองเรื่องการขอรับการอภัยโทษให้กับโจรสลัด ซึ่ง Bonnet ก็ทำสำเร็จแต่ว่าเขาพบว่าตัวเองถูก Blackbeard หลอก Blackbeard และลูกจำนวนหนึ่งหนีหายไปในทะเลพร้อมกับของที่ขโมยมาทั้งหมด เขาถูกทิ้งไว้บนบกกับลูกเรือที่ยังตกค้างอยู่ แต่ Bonnet ก็รับพวกเขาไว้ เขาสาบานว่าจะล้างแค้นแต่ว่าก็ไม่ได้พบกับ Blackbeard อีกเลย

เปลี่ยนชื่อเป็น Cpt. Thomas

Bonnet รับพวกลูกเรือที่เหลือเอาไว้และออกเดินเรือไปกับเรือ Revenge อีกครั้ง เขาไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีแม้กระทั่งอาหาร ทำให้ต้องจำใจกลับมาเป็นโจรสลัดอีกครั้ง เขาหวังจะสงวนสิทธิ์ในการรับพระราชทานอภัยโทษเอาไว้ จึงเปลี่ยนชื่อเรือจาก Revenge ไปเป็น Royal James และบอกชื่อตัวเขาเองกับเหยื่อของเขาว่า เขาชื่อ Cpt. Thomas จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้วิธีการเดินเรืออยู่ดี ผู้บัญชาการเรือที่แท้จริงคือ Robert Tucker จากเดือนกรกฏาคมถึงเดือนกันยายน ปี 1718 เป็นช่วงเวลาที่ Bonnet ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในชีวิตการเป็นโจรสลัดของเขา เขาสามารถเข้ายึดเรือได้หลายลำในแถบชายฝั่งทะเลแอตแลนติก

การถูกจับกุม และการประหาร

Colonel Rhett and the Pirate: the capture of S...
William Rhett เข้าจับกุม Stede Bonnet

ความโชคดีของ Bonnet ก็หมดลงจนได้ ในวันที่ 27 กันยายน 1718 หน่วยราดตระเวณของพวกนักล่าหัวโจรสลัดซึ่งอยู่ภายใต้บัญชาการของผู้พัน William Rhett (ซึ่งเขาเองก็กำลังตามจับกุม Charles Vane อยู่ด้วยในขณะนั้น) พบ Bonnet ซึ่งกำลังทอดสมออยู่ที่ Cape Fear River พอดี Bonnet พยายามต่อสู้เพื่อหลบหนี แต่ว่าผู้พัน Rhett ก็ได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว พวกเขาใช้เวลาต่อสู้อยู่นานถึง 5 ชั่วโมงกว่าพวกของ Bonnet จะจนมุม Bonnet และลูกเรือของเขาถูกส่งไปยัง Charleston พวกเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด ลูกเรือ 22 คนถูกแขวนขอในวันที่ 8 พฤศจิกายน 1718 และลูกเรือที่เหลือถูกแขวนคอในวันที่ 13 พฤศจิกายน Bonnet ขออุทธรณ์แต่ว่าไม่เป็นผลเขาถูกแขวนคอในวันที่ 10 ธันวาคม 1718

ตำนานของ Stede Bonnet

เรื่องราวของ Stede Bonnet จบลงด้วยความโศกเศร้า เขาคงจะไม่มีความสุขกับชีวิตอันหรูหราฟู่ฟ่าในไร่ที่ Barbados เป็นแน่จนทำให้เขาต้องหันไปเป็นโจรสลัด และนี่มันคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาตัดสินใจทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง และออกเดินเรือในปี 1717 หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พบกับครอบครัวอีกเลย หรือ Bonnet จะถูกล่อลวงด้วยภาพอันสวยหรูของโจรสลัด หรืออาจเป็นเพราะทนคำกระแนะกระแหนะของภรรยาไม่ได้ หรือเป็นเพราะอาการผิดปกติทางจิตใจของเขาเอง ด้วยเหตุผลใดนั้นก็ไม่อาจคาดเดา แต่ว่าคำร้องเพื่อขอความเมตตาจากผู้ว่าการดูราวกับว่าเขาจะสำนึกและรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไปอย่างจริงใจ

Traditional depiction of Stede Bonnet's flag.
ธงของ Stede Bonnet มีเรื่องเล่าว่าเขาชูธงโจรสลัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในสมรภูมิ (Photo credit: Wikipedia)

Bonnet ดูไม่เหมือนโจรสลัดเท่าไร เมื่อเทียบกับการได้ทำงานกับโจรสลัดคนอื่น ๆ เช่น Blackbeard หรือ Robert Tucker พวกลูกเรือของเขาต้องการจะได้รางวัลที่แท้จริง แต่ว่าการตัดสินใจและการบัญชาการของ Bonnet นั้นผิดพลาดบ่อยครั้ง อย่างเช่นคำสั่งที่เขาสั่งให้โจมตีเรือรบสเปน Man of War เป็นต้น

สาเหตุที่ Bonnet ได้รับการจดจำนั้นมี 2 เหตุผล เหตุผลหนึ่งนั่นคือเขาเคยร่วมมือกับจอมโจรสลัดในตำนานอย่าง Blackbeard เหตุที่สองเป็นเพราะเขาไม่เหมือนโจรสลัดคนอื่น เขาเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย มีโจรสลัดเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีฐานะร่ำรวยตั้งแต่เกิด ทั้ง ๆ ที่เขามีทางเลือกมากมายในชีวิตแต่กลับเลือกกระทำผิดต่อกฏหมายด้วยการเป็นโจรสลัด

แหล่งอ้างอิง (Reference) : About.com

4 comments

    • ขอบคุณที่ติดตามนะคะ นึกว่าไม่ค่อยจะมีคนอยากอ่านซะแล้ว 😀

  1. เกมส์นี้ผมก็เล่นนะครับเคลียไป 2ภาค
    Assasins Creed Revelation
    Assasins Creed 3
    อีก 2 ภาคเล่นไม่จบ รอเล่นภาคใหม่อยู่ …รอ..รอ……

Leave a comment