เจ้าชายโจรสลัด Sam Bellamy

ตอนแรกก็ว่าจะแปลเรื่องราวของโจรสลัดคนดังที่มีอยู่ในเกม Assassin’s creed IV Black flag ค่ะ แต่พอลองได้อ่านเรื่องราวของ Bellamy แล้วรู้สึกว่ามันคุ้น ๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนว่ามันจะคล้าย ๆ กับอะไรบางอย่าง ส่วนจะคล้ายกับอะไรเพื่อน ๆ ก็ลองตัดสินด้วยตนเองนะคะ 😀 (หรือเราคิดไปเองหว่า )

Cpt. Samuel Bellamy อาจเกิดในช่วงต้นปี 1689 และเสียชีวิตวันที่ 26 เมษายน 1717 เป็นที่รู้จักกันในนาม “Black Sam” Bellamy โจรสลัดชาวอังกฤษผู้นี้กระทำการเป็นโจรสลัดในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 แม้ว่าเขาจะเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงมากแต่เขาก็กระทำการเป็นโจรสลัดด้วยระยะเวลาไม่นานนัก ภายใต้การบัญชาการของเขาทำให้เขาและลูกเรือสามารถปล้นเรือมาได้ทั้งหมด 53 ลำ เขาจึงกลายเป็นโจรสลัดที่ร่ำรวยที่สุดในบรรดาโจรสลัดที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในวัย 28 ปี

ที่ถูกเรียกว่า “Black Sam” นั้นมาจากเขาพยายามจะหลีกลี่ยงค่านิยมของคนในสมัยนั้นที่ชอบใส่วิกผมที่เป็นลอน ๆ เขาจึงใช้คาดผ้าหัวพันไว้บนผมสีดำขลับของเขาแทน Bellamy เป็นที่รู้จักกันดีว่าเขาเป็นคนมีความเมตตาและเป็นคนใจดีต่อพวกตัวประกันที่เขาจับกุมตัวได้ และด้วยเพราะเหตุนี้ทำให้เขาได้รับสมยานามว่า “เจ้าชายโจรสลัด” (Prince of Pirates)

bellamy

กัปตัน Bellamy เป็นสุภาพบุรุษ เรียบร้อย มารยาทงาม ทำตัวสะอาดสะอ้าน เขามักจะใส่เสื้อผ้าราคาแพงโดยเฉพาะเสื้อผ้าที่มีสีดำ อาวุธโปรดปรานของเขาคือปืนพก 4 กระบอกเขามักจะคาดมันไว้ที่เอว เขาปกครองลูกเรือด้วยระบบกึ่ง ๆ ประชาธิปไตยพวกลูกเรือจึงรักเขามาก พวกลูกเรือจึงเรียกกัปตันของพวกเขาว่า “Robin Hood”  และเรียกตัวเองว่า “ผู้ติดตามของ Robin Hood”

พบ Benjamin Hornigold

บันทีกที่เกี่ยวกับตัวเขานั้นยังคลุมเคลือ บางที่บอกว่าเขาเกิดวันที่ 23 กุมภาพันธ์ บางที่บอกว่าเขาเกิดวันที่ 28 มีนาคม ที่ Hittisleigh ประเทศอังกฤษ  เขาเป็นน้องคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 6 คน พ่อของเขาชื่อ Stephen แม่ของเขาชื่อ Elizabeth แม่ของเขาตายเพราะป่วยหลังจากที่คลอดเขาได้ไม่นาน

เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตในทะเลและเดินทางไปยังตอนเหนือของอเมริกาที่ ณ ขณะนั้นยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอยู่ มีตำนานเล่าว่าเขาได้ตกหลุมรักกับสาวคนหนึ่ง สาวคนนั้นมีนามว่า Maria Hallet หญิงสาววัยกระเตาะอายุเพียง 15 ปี (ภายหลังเธอได้รับฉายาว่า “The Witch of Wellfleet”)  เธออาศัยอยู่ที่ Eastham ใน Massachusetts แต่ว่าพ่อกับแม่ของเธอไม่ยอมรับ Bellamy เพราะว่าเขาจนเกินไป ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาออกเดินทาง โดยในตำนานเล่าว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในพวกผู้เก็บกวาดเศษสมบัติที่เหลือจากเหตุการณ์เรือสเปนล่มในปี 1715 เพื่อที่จะนำเงินมาสู่ขอ Hallet เขามีเพื่อนร่วมทางและผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินชื่อ Palgrave Williams  หลังจากนักล่าสมบัติทั้งสองประสบความสำเร็จบ้างเล็กน้อย พวกเขาก็ผันตัวไปเป็นโจรสลัดทันที และอยู่ภายใต้บัญชาการของยอดโจรสลัดผู้โด่งดัง Benjamin Hornigold ผู้บัญชาการเรือ Marianne พร้อมด้วยต้นเรือข้างกาย ผู้ซึ่งภายหลังก็ได้กลายมาเป็นสุดยอดโจรสลัดผู้มีชื่อเสียงอีกคน Edward “Blackbeard” Thatch

bellamyandcrew
Captain Sam Bellamy

ในฤดูร้อนปี 1716 พวกลูกเรือต่างแสดงอาการไม่พอใจที่ Benjamin Hornigold ไม่ยอมโจมตีเรืออังกฤษ เหตุการณ์นั้นทำให้พวกลูกเรือโหวตเพื่อเลือกกัปตันเรือใหม่ ผลปรากฏว่า Hornigold ถูกปลดออกจากการเป็นกัปตันเรือเขาและลูกเรือผู้ภักดีจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง Edward Thatch จึงต้องสละเรือ ลูกเรือที่เหลืออีกกว่า 90 ชีวิตเลือกให้ Bellamy เป็นกัปตันคนใหม่แทน

หลังจากที่พวกเขายึดเรือ Sultana Galley มาได้เป็นเรือลำที่สอง Bellamy ก็แต่งตั้งให้เพื่อนสนิทของเขา Palsgrave Williams เป็นผู้บัญชาการเรือ Marianne และผันตัวเองไปเป็นผู้บัญชาการเรือ Sultana แทน

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 1717 Bellmay และลูกเรือได้รางวัลใหญ่จากการเข้าจับกุมเรือ Whydah gally เป็นเรือสัญชาติอังกฤษ มีขนาดใหญ่หนัก 300 ตัน ยาว 102 ฟุตมีปืนใหญ่ 18 กระบอก มีความเร็ว 13 น็อต เรือ Whydah เพิ่งจะออกเดินทางครั้งแรกในปี 1716 และเพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจการค้าทาสในแถบแอตแลนติก(Atlantic slave trade) เรือจึงเต็มไปด้วยของมีค่ามากมายทั้งเงิน ทั้งทอง ที่ได้จากการค้าทาสเกือบ 500 ชีวิต และเรื่องที่ว่า Bellamy เป็นคนใจดีก็เป็นเรื่องจริง หลังจากที่เขายึดเรือ Whydah gally มาได้เขาก็ยกเรือ Sultana ให้กับกัปตันเรือคนเก่าของ Whydah Cpt.Lawrence Prince และยังให้เงินและทองจำนวนหนึ่งแก่ลูกเรือพวกนั้นไปเพื่อให้พอยังชีพในมหาสมุทรต่อไปได้ เมื่อได้เรือมาครอบครองแล้ว Bellamy ก็ทำการต่อเติมเรือโดยปรับให้มีปืนใหญ่ 28 กระบอก จากนั้น Bellamy ก็เดินทางขึ้นเหนือไปยังชายฝั่ง Carolinas และ New England

Bellamy เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่โจรสลัดและกลายเป็นตำนานแก่คนรุ่นหลังด้วยการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์

“เขาดูสะดุดตาในเสื้อคลุมกำมะหยี่แขนยาวถึงข้อมือ กางเกงยาวถึงหัวเข่า ถุงเท้าแพร และรองเท้ามีส้นสีเงิน สะพายดาบไว้ที่เอวด้านซ้าย คาดสายคาดเอวมีปืน 4 กระบอก เขาไม่เหมือนผู้คนบางคนในสมัยนั้นที่ชอบสวมวิกที่มีผมเป็นลอน ๆ เขามีผมสีดำยาวและโพกผ้าคาดหัวสีดำ”

คำบรรยายนี้มาจากผู้ใช้นามแฝงว่า Cpt. Charles Johnson ผู้ซึ่งเขียนหนังสือตำนานโจรสลัด “A General History of the Robberies and Murders of the Most Notorious Pyrates” ในหนังสือยังมีคำกล่าวของ Bellamy หลังจากที่เขายึดเรือ sloop ของ Cpt.Beer มาด้วย Bellamy ต้องการให้เรืออยู่กับกัปตันของเรือต่อไปแต่ว่าลูกเรือของเขาไม่ยอม และต้องการให้เผาเรือทิ้ง และ Cpt.Beer เองก็ปฏิเสธการเข้าร่วมเป็นโจรสลัดกับ Bellamy จึงมีคำกล่าวที่กลายมาเป็นคำกล่าวที่โด่งดังในปัจจุบัน

underTheBlackFlag_bellamy

ซึ่งแปลคร่าว ๆ ว่า “เราขอโทษด้วยที่ไม่อาจจะยกเรือ sloop นี้คืนให้กับท่านได้เพราะว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจของเราคนเดียว เราจำต้องจมเรือนี้ทิ้งซะ แม้ว่าท่านจะเป็นเพียงสุนัขรับใช้ แต่ว่าท่านก็ยอมรับกฏหมายของรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้คนรวย พวกคนเจ้าเล่ห์ พวกคดโกง และท่านเองก็รับใช้คนพวกนั้น พวกนั้นปล้นคนจน ๆ โดยอาศัยกฏหมายปกป้อง แต่เราปล้นพวกคนรวยโดยอาศัยความกล้าในการปกป้องตนเอง ทำไมท่านไม่มาเป็นสหายของพวกเราล่ะ ดีกว่าไปหลบอยู่ด้านหลังของพวกคนคดโกงเหล่านั้น”

แต่ Cpt. Beer ตอบกลับไปว่า ด้วยจิตสำนึกของเขา เขาไม่อาจปล่อยให้ Bellamy ฝ่าฝืนกฏหมายและกฏของพระเจ้าได้ Bellamy ได้ยินดังนั้นจึงพูดต่อไป

ซึ่งแปลคร่าว ๆ ประมาณว่า “เขามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ ไม่เหมือนพวกสุนัขรับใช้ที่เอาแต่คอยทำตามคำสั่งเจ้านาย”

ความหายนะ

หลังจากที่ได้เรือ Whydah มาเพียงสองเดือน ทั้ง Bellamy และ Palsgrave ก็เดินทางมาถึงยัง Cape Cod เมื่อมาถึง Williams จึงบอกกับ Bellamy ว่าเขาอยากจะกลับไปพบครอบครัวที่ Rhode Island ทั้ง 2 จึงตกลงกันว่าจะกลับไปหาครอบครัวและให้มาพบกันอีกทีที่ Maine

หากว่า Bellamy ต้องการจะกลับไปพบคนรักของเขา Maria Hallet อีกครั้ง เขาทำพลาด เพราะเรือ Whydah ประสบกับพายุรุนแรงโหมกระหน่ำเข้าใส่ในกลางดึก เรือถูกพัดออกไปไกลจากชายฝั่ง 500 ฟุต ซึ่งชายฝั่งนี้ในปัจจุบันคือชายฝั่งเมือง Wellfleet รัฐ Massachusetts หลังจากผ่านช่วงกลางดึกแห่งความทารุนมาได้ 15 นาที เรือก็แตกและจมลงสู่ก้นทะเลลึก 30 ฟุต ด้วยความหนักของเรือทำให้เรือจมลงสู้ก้นทะเลด้วยความ

English: Location of Whydah Gally which sank i...
จุดที่เรือ Whydah ล่มใกล้ ๆ Cape Cod ในปี 1717 (Photo credit: Wikipedia)

รวดเร็วและนำพาเอาตัว Bellamy และลูกเรืออีก 145 ชีวิตจมหายไปในทะเลด้วย

**103 ศพถูกซัดขึ้นมาบนชายหาดโดยมีเจ้าหน้าที่ของเมืองจัดการฝังศพให้ แต่อีก 42 ศพกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เรือ Marianne ของ Williams เองก็ล่มเหมือนกัน มีผู้รอดชีวิตประมาณ 7 คน ผู้รอดชีวิตจากเรือทั้ง 2 ลำรวมแล้วมี 9 คนถูกจับกุมตัวและนำตัวไปรับโทษที่ Boston มี 6 คนที่ถูกแขวนคอในปี 1717 (สารพระราชทานอภัยโทษของ กษัตริย์ George เพิ่งจะเดินทางมาถึงหลังจาก 6 คนนั้นถูกประหารได้ 3 สัปดาห์ ทั้ง ๆ ที่ควรจะมาถึงที่ Boston ก่อนหน้านี้นานแล้ว) มี 2 ชีวิตที่ได้รับการปล่อยตัว ศาลเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองถูกบังคับให้กระทำการเป็นโจรสลัด แต่อีก 1 คนสุดท้ายซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองอเมริกาเขาเป็นชาวเผ่า Miskito นามว่า John Julian ถูกขายเป็นทาสให้กับ John Quincy ผู้ซึ่งเป็นปู่ของ ประธานาธิบดีของอเมริกา John Quincy Adams

**ข้อมูลจาก National Geographic รายงานว่ามีผู้รอดชีวิตจากการถูกประหารทั้งหมด 4 คน ได้แก่
– Palsgrave Willams กัปตันเรือ Marianne จากรายงานของ National Geographic พบว่าเรือของเขาไม่ได้จมพร้อมกับเรือ Whydah เขาอ้อมไปอีกทางทำให้รอดพ้นจากพายุ
– Richard Noland จากเรือ Marianne หลังได้รับการปล่อยตัวเขาก็กลับไปเป็นลูกเรือของ Blackbeard ก่อนจะขอรับพระราชทานอภัยโทษในปี 1718 เขาเป็นคนจัดสรรทุกอย่างบนเรือ Marianne แบ่งส่วนแบ่งอย่างยุติธรรมให้ลูกเรือ ดูแลอาวุธ ยุทโธปกรณ์
– Thomas Davis จากเรือ Whydah ซึ่งศาลตัดสินว่าเขาไม่มีความผิด เขาถูกบังคับให้ทำงานบนเรือ Whydah ในฐานะช่างไม้บนเรือ Bellamyบอกว่าจะปล่อยเขาไปหากว่าสามารถหาช่างไม้มาแทนได้
– John Julian จากเรือ Whydah แต่ว่า John Julian ถูกประหารชีวิตจากคดีฆ่าคนตายในปี 1733

Whydahcorrectgoldทองจำนวนมากที่เก็บกู้ขึ้นมาจากซากเรือ Whydah gally

อันที่จริงแล้วเรื่องราวของ Bellamy น่าจะถูกกล่าวขานเป็นตำนานมากกว่านี้หากว่าเขาไม่โชคร้ายประสบกับพายุจนทำให้ถึงแก่ชีวิตเสียก่อน ด้วยความสามารถและเรื่องราวของเขาน่าจะทำให้ผู้คนชื่นชอบได้ไม่ยาก แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้จักเขา จนกระทั่งมีการประกาศการค้นพบซากเรือของเขาในเดือนกรกฏาคม 1984 ซึ่งเป็นการค้นพบเรือโจรสลัดลำแรกในทวีปอเมริกา ในขณะที่เรือ Whydah จมลงสู่ใต้ทะเล นับว่าเป็นเรือที่มีมูลค่าสูงสุดในหมู่เรือโจรสลัดทั้งหมดทั้งมวล (นิตยสาร Forbes จัดอันดับให้ Bellamy เป็นโจรสลัดที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 1) ในหีบสมบัติที่พบนั้นประกอบไปด้วย คราม งาช้าง ทอง และเงินเหรียญจำนวนมากกว่าสามหมื่นปอนด์ (น้ำหนักประมาณ 4.5 – 5 ตัน) เรือลำนี้ถูกพบโดยนักสำรวจชื่อ Barry Clifford ในปี 1982

แหล่งอ้างอิง (Reference) : Wikipedia ,National Geographic , the Way of Pirates ,Geni.com , Assassin’s creed Under The Black flag Tumblr

6 comments

  1. ทำไมชื่อคุ้นๆเหมือนเคยอ่านในการ์ตูนโจรสลัดหมวกฟาง -..-+ แต่ในนั้นคนละลุคกับเจ้าชายโจรสลัดคนนี้เลย

    • เจ้าของบล็อกไม่ได้ติดตาม one piece มากเท่าไรค่ะ แต่เท่าที่เห็นเบลลามี่ในนั้นจะผมทองมาเชียว ต่างกับตามประวัติศาสตร์สุด ๆ เลยค่ะ

  2. จะบอกว่า ubisolf จะเอาบุคลิกเฮีย sam มาใส่ในเฮีย edward ใช่ไหมครับเนี่ย….

    • ฮ่า ๆ ๆ คุณ Crane เดาถูกด้วย เจ้าชองบล็อกว่ามันคล้าย ๆ ตรงที่พกปืน 4 กระบอกกับฐานะยากจนเนี่ยแหละค่ะ แค่ตรงนี้เอง ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วทางค่ายเกมได้แรงบันดาลใจมาจากไหน

  3. จขกท. คงจะถูกจริงๆละครับ ในเกมส์ไม่มีเฮีย sam ด้วย
    หรือว่าเฮีย(ปู่) ed จะใช้นามแฝงความจริงชื่อ sam
    ปล. ชักมั่วละ

    • โหย ไม่ค่อยอยากจะเดาเลยค่ะ เดาทีไรผิดตลอดหน้าแหกไปหลายรอบแล้ว -_-” (คราวที่แล้วแหกโค้งไปเต็ม ๆ เรื่องอาวุธที่ Edward สะพายหลังไว้ ดีนะที่มีคนมาตอบแก้ให้ไม่งั้นเจ้าของบล็อกคงแหกโค้งไปไกลเลยค่ะ XD)

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s