Edward “Blackbeard” Thatch โจรสลัดเคราดำ ตอนที่ 3 (จบ)

ต่อจากตอนที่แล้วหลังจากที่ทอดทิ้ง Bonnet แล้ว Blackbeard ไปทำอะไรต่อ ส่วนตอนก่อนหน้านี้คลิกที่นี่ค่ะ Edward “Blackbeard” Thatch โจรสลัดเคราดำ ตอนที่ 2

พักพิงที่ North Carolina

หลังจากแยกทางกับ Bonnet มาได้ Thatch ได้พาลูกเรือที่เหลือเดินเรือต่อไปทางเหนือ แต่ว่าก่อนจะเดินทางขึ้นเหนือไปเขาตัดสินใจนำเอาลูกเรืออีก 25 คนไปทิ้งไว้บนเกาะทรายเล็ก ๆ ซึ่งเกาะนี้อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 3 ไมล์ ที่ทำเช่นนี้เพราะว่าเขาอาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการประท้วงของลูกเรือทั้ง 25 คนนี้ก็เป็นได้ หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน Bonnet ก็ได้มาพาลูกเรือที่ถูกทิ้งไว้นี้ขึ้นเรือไป ส่วน Thatch ล่องเรือต่อไปยัง Bath ที่ซึ่งครั้งหนึ่ง Bonnet เคยขอเข้ารับสารพระราชทานอภัยโทษจากผู้ว่าการ Eden ก่อนจะตัดสินใจละทิ้งสารไปในเดือนกรกฎาคม 1718

blackbeardQuote
Photo Credit : Assassin’s creed Under the Black flag tumblr

Thatch ตั้งรกรากทางด้านตะวันออกของ Bath ที่ Plum Point ใกล้ ๆ กับที่พักของผู้ว่าการ Eden ในช่วงเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคมเขาเทียวไปเทียวมาระหว่างที่พักกับเรือ sloop ของเขาที่อยู่ที่ Ocracoke อยู่บ่อย ๆ บันทึกของ Johnson กล่าวว่า Thatch แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของไร่แห่งหนึ่งที่นั่น แต่ว่าไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผู้ว่าการ Eden อนุญาตให้ Thatch ล่องเรือไปยัง St Thomas ได้ในฐานะนักเดินเรือธรรมดา และเขาก็ได้ตั้งชื่อเรือ sloop ของเขาขึ้นใหม่ว่า Adventureในช่วงปลายเดือนสิงหาคมเขาก็กลับไปเป็นโจรสลัดอีก ซึ่งในเดือนเดียวกันนั้นเองผู้ว่าการประจำ Pennsylvania จึงออกหมายจับเขา แต่ว่า Thatch ก็พาเรือออกไปถึงอ่าว Delaware ซึ่งห่างไกลจากที่นั่นประมาณหนึ่ง เขาสามารถยึดเรือฝรั่งเศสได้ 2 ลำ จากนั้นเขาจึงนำลูกเรือลำหนึ่งย้ายไปไว้ที่เรืออีกลำ และนำเรืออีกลำกลับไปยัง Ocracoke เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเดือนกันยายน เขาบอกกับผู้ว่าการ Eden ว่าเขาพบเรือฝรั่งเศสลำหนึ่งถูกทิ้งร้างไว้ในทะเล ศาลทหารเรือจึงได้เปิดประชุมถึงเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนโดยประธานขององค์ประชุมคือ Tobias Knight พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจำนวนหนึ่ง เรือลำนี้ถูกตัดสินว่าเป็นเรือที่ถูกทิ้ง น้ำตาลจำนวนกว่า 20 โอ่งhogshead (hogshead เป็นหน่วยวัดของอังกฤษ 1 hogshead มีค่าประมาณ 238 ลิตร) ถูกยกให้เป็นรางวัลแก่ Tobias Knight และอีก 6 โอ่งถูกยกให้ผู้ว่าการ Eden ส่วนของอย่างอื่นที่เหลือในเรือถูกยกให้ Thatch

พบ Charles Vane

ดูเหมือนว่าอ่าว Ocracoke จะเป็นสถานที่ที่ Thatch ชื่นชอบเสียเหลือเกินเนื่องจากเขามาที่นี่บ่อยครั้ง และจุดนี้ก็ทำให้เขาได้เห็นเรือเดินทางผ่านไปมาได้อย่างสะดวก รวมทั้งยังได้พบกับผู้มาเยือนคนใหม่ที่ตั้งใจล่องเรือตรงมายังที่ที่เขาอยู่ บุคคลผู้นั้นคือ Charles Vane โจรสลัดชาวอังกฤษอีกคนหนึ่ง หลายเดือนก่อนหน้านี้ Charles Vane ได้ปฏิเสธการรับสารพระราชทานอภัยโทษจากผู้ว่าการ Woodes Rogers และหนีออกมาจากเรือ Man of War รวมทั้งกำลังหนีจากการตามล่าจากอดีตสหายเก่าของ Thatch และอดีตโจรสลัดผู้ซึ่งผันตัวไปเป็นนักล่าโจรสลัด Benjamin Hornigold  Thatch และ Vane ใช้เวลาคุยกันอยู่หลายคืนโดยมีผู้ร่วมประชุมคือ Israel Hands , Robert Deal และ Calico Jack

ความอดทนของ Alexander Spotswood

ข่าวการพบกันของสองโจรสลัดผู้น่าเกรงขาม Blackbeard และ Charles Vane แพร่กระจายออกไปยังเมืองอาณานิคมที่อยู่ใกล้เคียงกัน สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ว่าการแห่ง Pennsylvania ที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งเรือออกไปสองลำเพื่อตามล่าโจรสลัดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ข่าวนี้ยังสร้างความไม่สบายใจให้กับท่านผู้ว่าการ Alexander Spotswood ผู้ว่าการแห่ง Virginia ด้วยเหมือนกัน อดีตลูกเรือของ Thatch หลาย

Alexander Spotswood
Alexander Spotswood Photo Credit : Wikipedia

คนได้ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ กับ North Carolina บางคนก็ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่ Virginia นั่นทำให้ผู้ว่าการ Spotswood ต้องออกประกาศฉบับใหม่ในวันที่ 10 กรกฎาคม เรื่องการออกกฎห้ามไม่ให้เหล่าอดีตโจรสลัดถือครองอาวุธทุกชนิด และห้ามมีเรือรวมกลุ่มกันเกิน 3 ลำ

ในฐานะเป็นผู้นำคณะประเทศอาณานิคม Spotswood ดูจะไม่โสภากับการปกครองของสภาผู้ปกครองแห่ง North Carolina เท่าใดนัก เขาเคยมีความเชื่อว่าชาว Carolina น่าจะควบคุมพวกโจรสลัดได้ แต่ว่าการกระทำของโจรสลัดในบริเวณนั้นส่งผลกระทบต่อการค้าในแถบ Virginia ทำให้เหล่าพ่อค้าแห่ง Virginia ไม่อาจทำการค้าได้อย่างปกติสุข

ผู้ว่าการ Spotswood ทราบว่า William Howard อดีตรองกัปตันของเรือ Queen Anne’s Revenge อดีตลูกเรือคนสำคัญของ Blackbeard อาศัยอยู่ที่ Virginia ด้วยท่านผู้ว่าการเชื่อว่า Howard น่าจะรู้ว่า Thatch อยู่แถวไหน เนื่องด้วยผู้ว่าการ Spotswood ไม่มีอำนาจสั่งในการตัดสินคดีของโจรสลัด ทำให้ John Holloway ทนายของ Howard เรียกค่าเสียหายจาก Cpt. Brand กัปตันของเรือ HMS Lyme ผู้ซึ่งจับกุม Howard มาขังไว้ นอกจากนี้เขายังฟ้องร้องเพิ่มเติมเพื่อให้ทางการจ่ายค่าปรับในข้อหาจับกุมโดยมิชอบอีก 500 ปอนด์ด้วย

คณะที่ประชุมของ Spotswood อ้างว่า การกระทำของ Thatch นับว่าเป็นการกระทำผิดภายใต้กฎหมายของพระเจ้า William ที่ 3 ท่านผู้ว่าการจึงได้รับการแต่งตั้งให้พิจารณาคดีของ Howard โดยไม่ต้องมีคณะลูกขุนเข้าร่วมพิจารณาคดี เมื่อการพิจารณาคดีสิ้นสุด Howard ถูกตัดสินว่ามีความผิดจึงถูกสั่งประหารชีวิต แต่ว่าเขาได้รับการไว้ชีวิตด้วยหมายละเว้นโทษจาก London ซึ่งส่งตรงไปยัง Spotswood หมายละเว้นโทษมีใจความว่าให้นิรโทษกรรมแก่เหล่าโจรสลัดทั้งหมดที่มีความประสงค์ขอยอมจำนนก่อนวันที่ 23 กรกฎาคม 1718

ในเวลานั้นผู้ว่าการ Spotswood ได้ล้วงข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัยของ Thatch มาจาก Howard ท่านผู้ว่าการจึงวางแผนในการจัดส่งกำลังทหารออกไปตามแนวชายแดน North Carolina เพื่อจับกุม Thatch นอกจากนี้ท่านผู้ว่าการยังได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาปกครองแห่ง North Carolina ทั้งสองคนได้แก่ Edward Moseley และผู้พัน Maurice Moore ให้เอาผิดกับผู้ปกครองแห่ง North Carolina ด้วย และท่านผู้ว่าการยังได้เขียนคำร้องไปยังคณะกรรมาธิการการค้าด้วยว่าราชวงศ์อาจได้รับประโยชน์จากการจับกุม Thatch ด้วยเช่นกันเขาเชื่อว่า Thatch น่าจะมีทรัพย์สมบัติอยู่มาก เมื่อเห็นดังนั้นท่านผู้ว่าการจึงได้สั่งการไปยังกัปตันเรือหลวงทั้งสองลำคือ เรือหลวง HMS Pearl บัญชาการโดย Cpt. Gordon และ HMS Lyme บัญชาการโดย Cpt. Brand ให้มุ่งหน้าไปยัง Bath และให้เรือเอก Robert Maynard บัญชาการเรือเพิ่มอีก 2 ลำ เพื่อเข้าร่วมปฏบัติการในการจับกุมครั้งนี้ด้วย

ปฏิบัติการตามล่า Blackbeard

ในวันที่ 17 พฤศจิกายน เรือเอก Maynard ได้ลูกเรือให้มาอยู่ภายใต้บัญชาการเพิ่มเติม 57 นาย 33 นายมาจาก HMS Pearl และ 24 นายมาจาก HMS Lyme เรือเอก Maynard ได้นำกำลังส่วนใหญ่จาก HMS Pearl ไปประจำการบนเรือลำใหญ่กว่าและตั้งชื่อเรือลำใหญ่นั้นว่า Jane และให้ลูกเรือที่เหลือไปประจำการบนเรืออีกลำและตั้งชื่อเรือลำนั้นว่า Ranger โดยเรือลำนี้บัญชาการโดยนายทหารของเขานายหนึ่ง พวกเขาพาเรือล่องไปตามแม่น้ำ James เรือ sloop ทั้งสองลำค่อย ๆ ล่องไปตามแม่น้ำอย่างช้า ๆ เพื่อให้เวลากับเรือของ Cpt. Brand ไปถึง Bath ได้ทันเวลา Cpt. Brand เดินเรือมาถึงที่ North Carolina 6 วันหลังจากนั้นและทอดสมออยู่ห่างจากชายฝั่งของ Bath ประมาณ 3 ไมล์ ในหมู่ลูกเรือของ Cpt. Brand มีลูกเรือท้องถิ่นชาว Carolina อยู่ด้วยนั่นคือ ผู้พัน Moore และ Cpt. Jeremiah Vail เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ทำให้ง่ายต่อการเข้าไปปะปนกับฝูงชนและคอยรายงานความเคลื่อนไหวกลับไปส่วน Cpt. Brand ตรงเข้าไปพูดคุยกับผู้ว่าการ Eden โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันต่อมา Cpt. Brand ได้ส่งเรือแคนู 2 ลำล่องไปตามแม่น้ำ Pamlico และออกไปยังอ่าว Ocracoke เพื่อดูว่า Thatch อยู่ที่นั่นหรือไม่ แต่เมื่อไปถึงที่นั่นก็ไม่พบอะไร

Capture of the Pirate, Blackbeard, 1718 depict...
ภาพจำลองการจับกุม Blackbeard โดยมีเรือเอก Maynard เป็นผู้นำในปฏิบัติการครั้งนี้ (Photo credit: Wikipedia)

สมรภูมิสุดท้าย

วันที่ 22 พฤศจิกายน 1718 เรือเอก Maynard และลูกเรือก็พบ Thatch จนได้ พวกโจรสลัดทอดสมออยู่ที่ด้านในของอ่าว Ocracoke นับเป็นโชคดีสำหรับพวกทหารเรือ เพราะลูกเรือของ Thatch ส่วนใหญ่อยู่บนฝั่งรวมทั้ง Israel Hands ลูกน้องคนสนิทของ Thatch ด้วย ทันทีที่เรือของ Maynard เข้าไปอยู่ในระยะสายตาของเรือ Adventure Edward Thatch ก็สั่งการให้ยิงโจมตีทันที ทำให้มีทหารเสียชีวิตหลายนายส่งผลให้เรือ Ranger ไม่อาจเข้าร่วมในสมรภูมิได้ มีเพียงเรือ Jane เท่านั้นที่เข้าเทียบประชิดกับเรือ Adventure ของ Thatch ได้และลูกเรือทั้งสองลำก็ต่อสู้กันบนดาดฟ้าเรือ Thatch ถูกเรือเอก Maynard ยิงถึงสองนัดทำให้ได้รับบาดเจ็บ แต่โจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ก็หาได้ยอมจำนนไม่ สองมือของเขายังคงจับดาบแกว่งไกวต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี จน Blackbeard เกือบจะฆ่า Maynard ได้สำเร็จ แต่แล้วก็มีทหารคนหนึ่งพุ่งตรงมาตัดคอ Blackbeard ได้ทัน

Blackbeard's head hanging from the bowsprit of...
ศีรษะของ Blackbeard ถูกแขวนไว้ที่เสาหัวเรือ Jane (Photo credit: Wikipedia)

ท่วงที ศีรษะของโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่หลุดออกจากร่าง ภายหลัง Maynard รายงานว่า เขาพบว่าที่ร่างของ Thatch มีรูกระสุนไม่ต่ำกว่า 5 รูและมีร่องรอยถูกฟันไม่ต่ำกว่า 20 แผล เมื่อสูญสิ้นผู้นำเหล่าโจรสลัดที่เหลือจึงต้องยอมจำนน มีทหารและโจรสลัดเสียชีวิตจากการสู้รบครั้งนี้ฝั่งละไม่ต่ำกว่า 10 ราย เรือเอก Maynard จึงเดินทางกลับ Virginia พร้อมกับชัยชนะและหัวของ Blackbeard ซึ่งถูกผูกไว้กับหัวเสากระโดงเรือของ Maynard

เหตุการณ์หลังจากนั้น

ก่อนจะเดินทางกลับ เรือเอก Maynard และลูกเรือที่เหลือใช้เวลาหลายวันเพื่อซ่อมแซมเรือและฝังศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ สิ่งของที่ Thatch ปล้นมาได้เช่น น้ำตาล โกโก้ คราม และ ฝ้าย ถูกพบอยู่ในที่พักใกล้ ๆ กับที่เรือทอดสมออยู่ เงินรางวัลในการเข้าจับกุม Thatch มีมูลค่าเพียง 400 ปอนด์เท่านั้นและถูกแบ่งไปให้เรือทุกลำ ซึ่ง Maynard รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมสำหรับลูกเรือของเขาเลยเนื่องจากในระหว่างสู้รบเรือ HMS Pearl และเรือ HMS Lyme ของ Cpt. Brand ไม่ได้เข้าร่วมในสมรภูมิเลยด้วยซ้ำ มีเพียง Maynard และลูกเรือของเขาที่ต้องต่อสู้ตามลำพังแต่กลับได้รับส่วนแบ่งเพียงแค่ 90 ปอนด์ และไม่ได้รับการเลื่อนยศจากความดีความชอบในครั้งนี้ด้วย

ลูกเรือที่เหลือของ Thatch ถูกนำตัวไปรับโทษที่ Virginia บางส่วนถูกแขวนคอ บางส่วนได้รับการปล่อยตัวอย่างเช่นกรณีของ Israel Hands เขาอ้างว่า เขาไม่ได้เข้าร่วมสู้รบและเขาอยู่บนบกในวันนั้นเนื่องจากเขาถูก Thatch ยิงเข้าที่ขาและกำลังรักษาตัวอยู่ อีกทั้งเขายังมีสารพระราชทานอภัยโทษคุ้มครองอยู่ด้วย

ผู้ว่าการ Eden รู้สึกไม่พอใจการบุกรุกของผู้ว่าการ Spotswood ท่านผู้ว่าการกล่าวหาว่า ผู้ว่าการ Eden เพิกเฉยต่อการจับกุมโจรสลัดในแถบนี้และได้รับผลประโยชน์แอบแฝงจากโจรสลัด แต่อย่างไรก็ดี ผู้ว่าการ Spotswood ก็ไม่มีอำนาจในการเข้าไปจับกุมโจรสลัดในแถบ North Carolina ด้วยเหมือนกัน

นอกจากนี้ผู้ว่าการ Spotswood ยังได้กล่าวหา Tobias Knight ด้วยอีกคนในฐานะที่ได้รับผลประโยชน์จาก Thatch โดยมี Israel Hands เป็นพยานปากสำคัญที่ยืนยันว่า Knight ขึ้นเรือไปพบกับ Thatchในเดือนสิงหาคม 1718 และหลังจากนั้นไม่นาน Thatch ก็นำเรือฝรั่งเศสมาให้ที่ North Carolina เป็นของขวัญ มีหลักฐานชิ้นสำคัญที่ระบุว่า Knight ได้รับผลประโยชน์จาก Thatch จริง ๆ ซึ่งเป็นจดหมายที่เรือเอก Maynard เก็บมาจากศพของ Thatch ณ ขณะนั้น Tobias Knight ป่วยหนักจนใกล้จะตายเขาถามถึงความน่าเชื่อถือของหลักฐานและพยานทั้งหมดที่ Spotswood นำมา เขากล่าวว่าเขาได้พบกับ Thatch เพราะคุยกันเรื่องธุรกิจเท่านั้นไม่ได้มีสิ่งใดเพิ่มเติม ในที่สุดศาลก็ตัดสินให้ Knight พ้นผิด และเขาก็เสียชีวิตในปีถัดไป

ผู้ว่าการ Eden รู้สึกไม่พอใจที่เขาต้องเขาไปพัวพันกับคดีที่เขาไม่ได้มีส่วนร่วมอะไร สิ่งของที่ Cpt. Brand ยึดมาจาก North Carolina นั้นเป็นสมบัติของเมืองอยู่แล้วไม่ใช่ของโจรสลัด ท่านผู้ว่าการ Eden จึงกล่าวหาว่า Cpt. Brand เป็นขโมย การโต้เถียงกันไปมาระหว่างเมืองประเทศราชดำเนินไปอย่างยาวนานจนกระทั่งผู้ว่าการ Eden เสียชีวิตในวันที่ 17 มีนาคม 1722

ตำนานของ Blackbeard

Blackbeard ได้รับการกล่าวขานถึงความยิ่งใหญ่และความเก่งกาจอย่างหาที่เปรียบมิได้ การตายของเขาจึงส่งผลอย่างมากกับเหล่าโจรสลัดทั้งหลายที่กระทำการในบริเวณนั้น เรือเอก Maynard ได้รับการยกย่องเฉกเช่นวีรบุรุษแม้ว่า Blackbeard จะไม่ได้ตายด้วยคมดาบของเขา

Blackbeard จบชีวิตลงไปนานแล้วแต่ชื่อเสียงของเขายังคงถูกบอกเล่าเป็นตำนาน บุรุษทุกนายที่ร่วมเดินเรือไปกับเขาต่างได้รับการยกย่องในความกล้าหาญ ตำนานของ Blackbeard ถูกแต่งเติมไปต่าง ๆ นานา ๆ เช่นเรื่องเล่าที่ว่าร่างไร้หัวของเขายังคงแหวกว่ายไปมารอบ ๆ เรือของ Maynard หลังจากร่างของเขาตกลงสู่ทะเล

English: Illustration of Blackbeard's Jolly Ro...
ภาพจากหนังสือของ Konstam แสดงลักษณะของธง Jolly Roger ของ Blackbeard (Photo credit: Wikipedia)

Blackbeard นับเป็นตัวอย่างของกัปตันเรือโจรสลัดที่ดี เขามีความเมตตา ความเฉลียวฉลาด และมีความสามารถในการรวมกำลังพลให้มาอยู่ภายใต้บัญชาการของเขาได้ เขาเหนือกว่าโจรสลัดหลาย ๆ คนที่อยู่ในยุคเดียวกันเสียอีก เขารู้วิธีการในการสร้างภาพลักษณ์อันน่าเกรงขามเพื่อข่มขู่ให้ศัตรูเกรงกลัว

ภาพลักษณ์ของ Blackbeard ในปัจจุบันดูน่ากลัว โหดร้าย แต่มีโจรสลัดบางคนในยุคเดียวกับเขาที่เก่งกาจกว่าเขาเสียอีก คนคนนั้นคือ “Black Bart” Roberts เขายึดเรือได้หลายลำแต่ว่าไม่มีใครจำลักษณะเฉพาะตัวของเขาได้เลย และดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ของเขาในปัจจุบันไม่เป็นที่คุ้นตามากนัก

Blackbeard ไปปรากฏอยู่ในภาพยนตร์และหนังสือจำนวนมาก มีพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับตัวเขาและโจรสลัดที่อยู่ในแถบ North Carolina ด้วย แม้กระทั่งลูกน้องคนสนิทของเขา Israel Hands ก็ไปปรากฏอยู่ในหนังสือที่เขียนโดย Robert Louis Stevenson เรื่อง Treasure Island และแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าสมบัติของ Blackbeard มีอยู่จริง แต่ผู้คนก็ยังคงออกตามหากันต่อไป

เรือ Queen Anne’s Revenge ที่อับปางถูกค้นพบในปี 1996 และได้กลายเป็นขุมทรัพย์ข้อมูลอันล้ำค่า สถานที่แห่งนี้ยังอยู่ในระหว่างการเก็บกู้ มีบางชิ้นส่วนถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ North Carolina Maritime ใกล้ ๆ กับอ่าว Beaufort ในปัจจุบัน

แหล่งอ้างอิง (Reference) : wikipedia , about.com , republic of pirates , National Geographic , Assassin’s creed Under the Black flag Tumblr

เจ้าของบล็อกใช้เวลาแปลนานมาก และเรียบเรียงข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งด้วยตนเอง หากท่านต้องการนำไปใช้สามารถนำไปใช้ได้เลยแต่รบกวนให้เครดิตว่านำมาจากบล็อกนี้ด้วยนะคะ จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ 😀

6 comments

  1. พอมาเห็นว่า blackbeard ตายก็ทำให้นึกถึง edward ว่าจะเป็นยังไงในเมื่อลูกเรือทุกคนถูกจับ แล้วพี่มืดลาบอร่อย(ต้นหนเรือ) จะเป็นยังไงมั่งน๊า

    • น่าคิดเหมือนกันค่ะว่าเนื้อเรื่องในภาค 4 จะดำเนินไปถึงจุดไหนเพราะว่าการเป็นโจรสลัดมีโทษถึงประหารชีวิต จะถูกละเว้นโทษได้ก็ต่อเมื่อขอเข้ารับการนิรโทษกรรมจากทางการเท่านั้น

      • จากเนื้อเรื่องพวกที่ครองรัฐขณะนั้นก็คงหนีไม่พ้น Templar หนะนะ

        Edward เองคงไม่อยู่นิ่งขนาดนั้นหรอก . . .

  2. ขอบคุณที่มาเขียนให้นะครับ สุดยอดมากๆๆๆๆๆเลย
    อ่านจนจุใจ

    เสียใจตรงพี่แกตายใน AC นี่แหละ T T

  3. In a world without gold, we might ‘ve been heroes!! RIP Blackbeard เนื้อ AC IV สนุกมากคับ

Leave a comment