Edward “Blackbeard” Thatch โจรสลัดเคราดำ ตอนที่ 1

สำหรับเรื่องราวความเป็นมาและตำนานของ Blackbeard นั้นมันยาวมากเลยค่ะ เจ้าของบล็อกจะขอแบ่งออกเป็นตอนสั้น ๆ นะคะ อันที่จริง Blackbeard มีชื่อว่า Edward Teach บางที่บอกว่าชื่อ Edward Thatch แต่เนื่องด้วยทาง Ubisoft บอกว่าในเกม Assassin’s creed IV จะขอใช้ชื่อ Blackbeard ว่า Edward Thatch ดังนั้น เจ้าของบล็อกจะขอใช้ชื่อ Thatch ตาม Ubisoft นะคะ ฝากไว้นิดนึงถ้ามีตรงไหนที่เจ้าของบล็อกแปลผิดหรือเข้าใจผิดก็ทักท้วงได้นะคะ (พอดีประวัติเฮียแกยาวมากนั่งแปลไปก็เบลอไป)

EdThatchAssassin’s creed IV Black flag concept art

Edward Thatch เป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า “เคราดำ” (Blackbeard) เขาเป็นโจรสลัดสัญชาติอังกฤษที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว เขากระทำการเป็นโจรสลัดอยู่ในแถบทะเล West indies และทางทะเลฝั่งตะวันออกของประเทศอาณานิคมอเมริกา แม้ว่าเรื่องราวเบื้องหลังของเขาจะมีเพียงน้อยนิด แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาน่าจะเกิดที่เมือง Bristol ประเทศอังกฤษ เขาอาจจะเคยเป็นกะลาสีเรือในช่วงสงคราม Queen’s Anne ก่อนที่จะย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่เกาะ New Providence ประเทศบาฮามาส์ ที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของ Cpt. Benjamin Hornigold เขาเคยถูกว่าจ้างให้เป็นลูกเรือของ Hornigold ในช่วงปี 1716 หลังจากนั้น Hornigold ก็แต่งตั้งให้เขาเป็นกัปตันเรือ sloop ลำหนึ่งที่ยึดมาได้ ทั้งสองก็ได้กระทำการเป็นโจรสลัดร่วมกัน ตัวเลขของรางวัลที่ได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยพวกเขาได้เรือให้มาอยู่ภายใต้การบัญชาการเพิ่มขึ้นอีก 2 ลำ ลำหนึ่งเคยเป็นของ Stede Bonnet แต่ว่าในช่วงปลายปี 1717 Hornigold ก็เลิกเป็นโจรลัด

blackbeard lit fuseหมวกติดไฟ เอาไว้ขู่ศัตรู ให้ตัวเองดูน่ากลัว

Thatch ยึดเรือสินค้าสัญชาติฝรั่งเศสได้ลำหนึ่งและเปลี่ยนชื่อเรือลำนั้นเป็นชื่อ “Queen Anne’s Revenge” และติดตั้งปืนใหญ่ 40 กระบอก ทำให้เขากลายเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงกระจรกระจายไปทั่ว ฉายาของเขาได้มาจาก หนวดเส้นหนาสีดำสนิทของเขาที่ดูแล้วน่าเกรงขาม มีรายงานว่าเขาได้เชื่อมสายไฟเอาไว้ใต้หมวกของเขาเอาไว้ใช้ขู่ศัตรูด้วย เขารวบรวมพรรคพวกโจรสลัดและปิดท่าเรือ Charleston เอาไว้ หลังจากประสบความสำเร็จ เขาได้พาเรือ Queen Anne’s Revenge ไปรอบ ๆ สันทรายใกล้ ๆ Beaufort,North Carolina เขาก็แยกตัวกับ Stede Bonnet และไปตั้งรกรากที่เมือง Bath ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้ขอรับพระราชทานอภัยโทษ แต่ว่าหลังจากรับสารได้ไม่ได้เขาก็กลับไปออกเรืออีก และนั่นทำให้ผู้ว่าการของ Virginia ท่านผู้ว่าการ Alexander Spotswood ทราบเรื่องเข้า ท่านผู้ว่าการจึงสั่งให้จัดเตรียมกำลังทหารเพื่อออกตามล่าโจรสลัดรายนี้เสีย ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1718 ในระหว่างการสู้รบอันโหดร้ายนั้น Thatch และลูกเรือส่วนใหญ่ถูกฆ่าตายโดยกองกำลังที่ถูกส่งมาเพียงจำนวนไม่มากภายใต้การนำโดย เรือเอก(Lt.) Robert Maynard

ด้วยความมีไหวพริบและความเป็นผู้นำ Thatch หลีกเลี่ยงการใช้กำลังในการบังคับขู่เข็ญ ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ที่เขาแสดงให้เหล่าเชลยที่เขาจับกุมตัวมาได้เห็น ในทางตรงกันข้าม ภาพลักษณ์ของเขาในปัจจุบันดูจะเป็นโจรสลัดที่โหดเหี้ยมและเผด็จการ แต่แท้จริงแล้วเขาบัญชาการเรือโดยการถามความเห็นจากลูกเรือก่อน และไม่มีรายงานว่าเขาทำร้ายหรือฆ่าตัวประกันทิ้งเลย เขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังในการเขียนเรื่องราวของเหล่าโจรสลัดมากมาย

เรื่องราวชีวิตก่อนหน้านี้

เหมือน ๆ กับโจรสลัดรายอื่น ๆ ไม่มีบันทึกที่กล่าวถึงชีวิตก่อนหน้านี้ของเขามากนัก มีความเชื่อว่าเขาน่าจะเสียชีวิตในช่วงอายุ 35 ถึง 40 ปี หากเป็นเช่นนี้ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาน่าจะเกิดในช่วงปี 1680 จากบันทึกในปัจจุบันเขามักจะถูกเรียกว่า Blackbeard หรือ Edward Thatch หรือ Edward Teach ซึ่งชื่อหลังสุดเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันในปัจจุบัน แต่ก็มีการสะกดนามสกุลของเขาหลาย ๆ แบบไม่ว่าจะเป็น Thatch , Thach , Thache ,Thack , Tack , Thatche และ Theace แต่มีแหล่งข้อมูลแหล่งหนึ่งอ้างว่านามสกุลของเขาน่าจะเป็น Drummond แต่ก็ไม่มีข้อมูลมายืนยันว่าเป็นจริงหรือไม่ โจรสลัดส่วนใหญ่มักจะใช้ชื่อที่ตั้งขึ้นเองในระหว่างออกกระทำการเป็นโจรสลัด เพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องเสื่อมเสีย นั่นทำให้นามสกุลจริง ๆ ของเขาไม่เป็นที่รู้จัก

นักประพันธ์ที่ชื่อ Robert Lee กล่าวว่า เป็นไปได้ว่า Thatch อาจจะเกิดในครอบครัวของผู้มีฐานะร่ำรวย เขาอาจจะมาถึงที่แคริเบียนตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 17 แล้วก็ได้ โดยอาจโดยสารมากับเรือสินค้า (เป็นไปได้ว่าเป็นเรือค้าทาส) แต่ว่ามีนักประพันธ์ที่อยู่ในศตวรรษที่ 18 Charles Johnson (ซึ่งมีบางคนเชื่อว่าแท้จริงแล้ว ผู้ที่ใช้นามปากนี้คือ Daniel Defoe) อ้างว่า Thatch อาจจะเป็นนักเดินเรือที่ทำการอยู่แถบ Jamaica ในช่วงสงคราม Queen’s Anne และนั่นทำให้เขาประกาศศักดาถึงความกล้าหาญและความไม่เกรงกลัวใคร และในช่วงระหว่างเกิดสงครามเขาก็ร่วมในสมรภูมิด้วย แต่ว่าก็ยังไม่มีบันทึกเกี่ยวกับชีวิตก่อนที่เขาจะมาเป็นโจรสลัดที่แน่ชัดอยู่ดี

เกาะ New Providence

จากประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคม การค้า และโจรสลัด มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 18 ที่หมู่เกาะ West Indies เริ่มจาก Henry Jennings นักเดินเรือและเหล่าผู้ติดตามของเขาผันตัวเองไปเป็นโจรสลัด ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 โดยใช้เกาะ New Providence ที่ห่างไกลผู้คนเป็นฐานสำหรับปฏิบัติการของพวกเขา เกาะนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากช่องแคบฟลอริดาเท่าใดนักและยังเป็นสถานที่ที่มีการเดินเรือชุกชุม ซึ่งช่องทางเดินเรือนี้เต็มไปด้วยเรือสินค้าจากยุโรปที่ข้ามผ่านแอตแลนติก ท่าเรือ New Providence จึงเหมาะแก่การเป็นจุดแวะพักของเรือกว่าร้อยลำ และทะเลตรงนี้ก็ตื้นเกินไปทำให้เรือรบหลวงไม่อาจจะเดินเรือมาสำรวจที่นี่ได้ จากเกาะที่ไม่มีผู้คนอาศัยกลายเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงในที่สุด นักประพันธ์คนหนึ่งนามว่า George Woodbury ได้บรรยายถึงเกาะนี้เอาไว้ว่า “เกาะแห่งนี้หาใช่บ้าน แต่เป็นเพียงที่พักแรมชั่วคราวและเป็นสถานที่สำหรับผ่อนคลาย ให้กับนักเดินทางที่มาแล้วก็จากไป” แล้วต่อด้วย “ที่แห่งนี้เป็นสถานที่อยู่ถาวรสำหรับพวกโจรสลัด พวกนักค้าขาย และพวกผู้ที่ติดสอยห้อยตามมา ส่วนคนอื่น ๆ นั้นเข้ามาแล้วก็จากไป” กฏหมายไม่อาจใช้ได้กับที่นี่ สำหรับเหล่าโจรสลัดแล้วที่ New Providence เปรียบเสมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกเขาเลยทีเดียว

ภายใต้บัญชาการของ Hornigold

Edward Thatch ดูจะมีความสุขกับการใช้ประโยชน์จากเกาะนี้ อาจจะเป็นช่วงสั้น ๆ หลังจากการลงนามในสนธิสัญญาอูเทรคต์ เขาย้ายจาก Jamaica ไปอยู่ที่นั่น กับพรรคพวกนักเดินเรือและกลายมาเป็นโจรสลัด และกระทำการละเมิดกฏหมาย อาจเป็นไปได้ว่าเขาเข้าร่วมเป็นลูกเรือของ Cpt. Benjamin Hornigold ในช่วงปี 1716 และในปีเดียวกันนั้นเอง Hornigold ก็แต่งตั้งให้ Thatch เป็นผู้บัญชาการเรือ sloop ลำหนึ่งของเขา ในช่วงต้นปี 1717 Hornigold และ Thatch ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือ sloop คนละลำกัน ก็เริ่มออกเดินทางออกจากแผ่นดินใหญ่ พวกเขายึดเรือลำหนึ่งที่บรรทุกแป้งหนักถึง 120 บาเรลที่กำลังจะไป Havana มาได้และหลังจากนั้นพวกเขาก็ยึดเรือที่มีไวน์กว่า 100 บาเรลที่ออกมาจากท่าเรือ Bermuda มาได้อีก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็หยุดทำการเดินเรือ พวกเขาออกเดินเรือจาก Madeira ไปยังเมือง Charleston,South Carolina

เมื่อเหล้าเข้าปากก็ทำให้คนขาดสติ เขาและลูกน้องผู้ซึ่งทำหน้าที่คอยดูแลจัดสรรสิ่งต่าง ๆ บนเรือ William Howard เริ่มมีปัญหาในการควบคุมลูกเรือของพวกเขาบ้างแล้ว หลังจากที่ได้ทดลองลิ้มรสของไวน์ Madeira พวกลูกเรือต้องการไวน์เพิ่มอีก ในวันที่ 29 กันยายน ใกล้ ๆ กับ Cape Charles พวกเขาก็ไปขโมยไวน์ Madeira มาจากเรือ Betty แห่ง Virginia มาอีก ก่อนจะจมเรือทิ้งไปพร้อมกับของที่เหลืออยู่ในเรือ

พบกับ Stede Bonnet

ช่วงเวลาที่ Thatch ออกเดินเรือไปกับ Hornigold นั้นถูกเปิดเผยมาก่อนที่ประวัติก่อนหน้านี้ของเขาจะถูกค้นพบเสียอีก อย่างเช่นที่มีบันทึกว่า เขาเป็นโจรสลัดที่มีลูกเรือที่อยู่ภายใต้บัญชาการของเขาเป็นจำนวนมาก และมีรายงานจาก Cpt. Mathew Munthe หน่วยราดตระเวณต่อต้านการกระทำผิดกฏหมายแห่ง North Carolina ได้บรรยายไว้ว่า “Thatch มีลูกเรือในบัญชาการเพิ่มขึ้นประมาณ 70 คน” ในเดือนกันยายน Edward Thatch และ Benjamin Hornigold ก็ได้พบกับ Stede Bonnet เจ้าของที่ดินและนายทหารผู้มาจากตระกูลร่ำรวยที่ผันตัวเองมาเป็นโจรสลัด ลูกเรือกว่า 70 ชีวิตของ Bonnet ไม่ต้องการอยู่ภายใต้บัญชาการของเขาอีกต่อไปแล้ว และด้วยคำยินยอมของ Bonnet เขาจึงให้ Thatch มาบัญชาการเรือ Revenge แทน ดังนั้นกองเรือโจรสลัดของ Thatch จึงประกอบไปด้วยเรือ 3 ลำแล้วได้แก่ เรือ Revenge จาก Bonnet เรือ sloop ลำเก่าของ Thatch และเรือ sloop ที่ชื่อว่า Ranger ของ Hornigold ในเดือนตุลาคมพวกเขาก็ยึดเรือได้เพิ่มอีก โดยมีเรือ 2 ลำคือเรือ Robert จาก Philadelphia และ Good Intent จาก Dublin ซึ่งทั้งสองลำถูกยึดในวันที่ 22 ตุลาคม 1717

แยกทางกับ Hornigold

ด้วยความที่เป็นนักเดินเรือชาวอังกฤษมาก่อน Hornigold จึงเลือกจะโจมตีเฉพาะเรือที่เป็นศัตรูกับอังกฤษเท่านั้น แต่ในสายตาของลูกเรือของเขาแล้ว เรือสินค้าอังกฤษมีแต่ของมีราคาแพงกลับเดินทางผ่านไปได้อย่างง่ายดายเป็นจำนวนมาก โดยไม่สะทกสะท้านอะไรเลย จนถึงจุด ๆ หนึ่งในปลายปี 1717 Hornigold จึงถูกปลดจากตำแหน่งกัปตันเรือ ส่วนสถานภาพของ Thatch นั้นไม่มีใครรู้ หลังจากนั้น Hornigold ก็ออกจากการเป็นโจรสลัดเขานำเรือ Ranger และเรือ sloop ไปกับเขาด้วยอีกหนึ่งลำ ส่วน Thatch ก็ไปกับเรือ Revenge และเรือ sloop ลำอื่นอีกหนึ่งลำ แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสารพระราชทานอภัยโทษก็มาถึง Hornigold จึงยอมรับสารนั้นกับผู้ว่าการ Woodes Rogers ในเดือนมิถุนายนปีถัดมา และออกตามล่าสหายเก่าของเขาเอง

Next Part Click Here  Edward “Blackbeard” Thatch โจรสลัดเคราดำ ตอนที่ 2

แหล่งอ้างอิง (Reference) : wikipedia , about.com , republic of pirates , National Geographic , Assassin’s creed Under the Black flag Tumblr

ปล. หากมีข้อมูลที่เจ้าของบล็อกแปลผิดตรงไหนก็บอกได้นะคะ

อ่านประวัติโจรสลัดที่น่าสนใจคนอื่น ๆ List of Pirates and Pirate hunters

6 comments

  1. ม่ายยย ทีชฆ่าหนวดขาว อ้ะเจ้ยผิดเรื่อง 😀 เนื้อหายาวจริงๆครับ เป็นกำลังใจให้เข้าของบลีอก ไฟโตะ!

  2. พอดีทำวิจัยเรื่องโจรสลัดน่ะคะ หาข้อมูลใช้ประกอบได้ยากมากเลย

    • มีหนังสือเกี่ยวกับโจรสลัดหลายเล่มมากเลยค่ะที่มีข้อมูลน่าสนใจเช่นหนังสือที่เขียนโดย Colin Woodard คนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโจรสลัดเลยค่ะชื่อหนังสือ The Republic of Pirates ซึ่งเกม Assassin’s creed เองก็ใช้แหล่งอ้างอิงจากหนังสือเล่มนี้เหมือนกันค่ะ แล้วก็มีหนังสืออีกเล่มที่ตอนนั่งแปลบทความก็เจอถูกใช้เป็นแหล่งอ้างอิงบ่อย ๆ ก็คือหนังสือ A General History of the Pyrates เขียนโดย Daniel Dafoe ค่ะ ถ้าหากทำวิจัยน่าจะลองซื้อมาอ่านทั้งสองเล่มเลยจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนกว่ามาก ๆ เลยค่ะ 😀

Leave a comment